Blog

Payments · 24 สิงหาคม 2566

สรุปสาระสำคัญจากงาน "Unlocking the Power of Secure & Seamless Payments"

Payments

เมื่อไม่นานมานี้ Opn Payments ได้จัดงาน "Unlocking the Power of Secure & Seamless Payments to Maximize Repeat Purchases" ร่วมกับ Amazon Web Services (AWS) ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในวงการเทคโนโลยีและการชำระเงินมาพูดถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่กำลังจะเข้ามาเป็นมาตรฐานในการชำระเงิน นั่นก็คือ Network Tokenization

มาดูกันว่าเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจและสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้นได้อย่างไร

ความสำคัญของการชำระเงินที่ปลอดภัยและราบรื่น

ในเซสชันแรก คุณอิศราดร หะริณสุต กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง จาก Opn ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ปลอดภัยและราบรื่นไม่มีสะดุดให้กับผู้ใช้

คุณอิศราดรได้เล่าถึงวิวัฒนาการในการชำระเงินสำหรับธุรกิจออนไลน์ ตั้งแต่ปี 2538 ที่บริษัทอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่อย่าง Amazon และ eBay ได้เริ่มส่งเช็คทางไปรษณีย์ มาจนถึงวันนี้ที่ผู้บริโภคคาดหวังว่าตนเองจะสามารถชำระเงินได้อย่างราบรื่นในทุกช่องทางตลอด 24 ชั่วโมง

Ezra Don Harinsut - President and Co-founder at Opn.

“ประสบการณ์การชำระเงินในทุกวันนี้ต้องราบรื่นในระดับที่ผู้ใช้ไม่ทันสังเกตเห็นเลยด้วยซ้ำ” คุณอิศราดร หะริณสุต กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง จาก Opn

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณาอัตราการละทิ้งตะกร้า (Cart Abandonment Rate) ในปัจจุบันสูงถึง 70% การช่วยให้ลูกค้าจ่ายเงินได้ง่ายขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยสามารถเริ่มจากการปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินผ่านมือถือ และการใช้ฟีเจอร์บันทึกข้อมูลบัตร (One-Click Checkout) นอกจากนี้ การรักษาลูกค้าเดิมก็เป็นสำคัญเช่นเดียวกัน ซึ่งธุรกิจสามารถช่วยให้ลูกค้าเดิมจ่ายเงินได้ง่ายขึ้นด้วยการใช้ระบบตัดเงินอัตโนมัติตามรอบ (Recurring Payment)

เมื่อแบรนด์สร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นและปลอดภัย ก็จะช่วยลดการทิ้งตะกร้าและเพิ่มการซื้อซ้ำได้มากขึ้น ซึ่งการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้านั้นมีหลายปัจจัยด้วยกัน แต่สำหรับงานนี้ เราโฟกัสไปที่ 2 ปัจจัย ได้แก่ ความพร้อมใช้งานระบบ และโทเคนไนเซชั่น (Tokenization)

การรักษาความพร้อมใช้งานระบบของ AWS เพื่อประสบการณ์ในการชำระเงินที่ราบรื่น

คุณสาโรจน์ ปุญญพัฒนกุล Head of Technology จาก Amazon Web Services (Thailand) ได้แชร์หลักการในการรักษาความพร้อมใช้งานระบบ (Service Availability) ของ AWS เพื่อช่วยให้ธุรกิจในอุตสาหกรรมการเงินสามารถให้บริการได้อย่างราบรื่น

Werner Vogels ซึ่งเป็น Chief Technology Officer ของ Amazon เคยกล่าวไว้ว่า "Everything fails, all the time” (ทุกอย่างเกิดข้อผิดพลาดได้เสมอ) ซึ่งเป็นหลักการเบื้องหลังวิธีที่ AWS ออกแบบบริการต่างๆ ให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง เช่น

  • โครงสร้างระบบที่มีความซ้ำซ้อน: AWS ออกแบบระบบสายสัญญาณให้มีความซ้ำซ้อนกัน เพื่อให้ระบบสามารถเปลี่ยนไปส่งข้อมูลทางอื่นได้อย่างต่อเนื่อง หากสายสัญญาณเส้นใดเส้นหนึ่งเกิดความเสียหาย

  • การตรวจจับความเสียหายและการย้ายเวิร์กโหลด: AWS สามารถตรวจจับความเสียหายที่เกิดขึ้นในระบบและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วด้วยการย้ายเวิร์กโหลดไปที่อื่น ช่วยลดเวลาในกรณีที่ระบบล่ม (Downtime) ให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

  • การให้ผู้สร้างระบบดูแลระบบด้วยตนเอง: AWS ให้ผู้สร้างระบบเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลระบบเพื่อให้สามารถระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่า และยังช่วยให้การแก้ไขปัญหารวดเร็วขึ้นอีกด้วย

AWS เป็นพาร์ทเนอร์กับ Opn Payments มายาวนาน โดยส่งมอบโซลูชันที่ช่วยให้เราสามารถส่งมอบบริการแก่ร้านค้าได้แบบไม่มีสะดุด แม้จะเป็นช่วงเวลาที่มีผู้ซื้อใช้บริการพร้อมๆ กันเป็นจำนวนมากก็ตาม

Network Tokenization: กุญแจสำคัญของการชำระเงินที่ปลอดภัย

คุณจิตสุภา เชี่ยววิทย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย จาก Opn (Thailand) ได้เล่าถึงอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างประสบการณ์ชำระเงินที่ปลอดภัยและราบรื่นให้แก่ลูกค้าได้ นั่นก็คือ Tokenizaion และยังเล่าถึง Network Tokenization ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการรับชำระค่าสินค้าและบริการอีกด้วย

Tokenization คือการแปลงข้อมูลบัตรเป็นโทเคน (ชุดตัวอักษรและตัวเลขที่สุ่มขึ้น) เพื่อซ่อนบัตรที่แท้จริง ทำให้ผู้ให้บริการรับชำระเงินเก็บรักษาข้อมูลบัตรให้ปลอดภัยและนำข้อมูลบัตรมาใช้ในธุรกรรมครั้งต่อไปได้โดยที่ผู้ถือบัตรไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในฟีเจอร์อย่าง One-Click Checkout และ Recurring Payment

ที่ผ่านมา เมื่อผู้ถือบัตรกรอกข้อมูลในหน้าเช็คเอาท์เพื่อทำการชำระเงิน หรือบันทึกข้อมูลบัตรไว้กับร้านค้าเมื่อทำการสมัครรับบริการรายเดือน (Subscription Plan) ผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์จะทำหน้าที่แปลงข้อมูลบัตรของลูกค้าเป็นโทเคน ในแง่ความปลอดภัยแล้วการทำ Tokenization แบบนี้ถือว่าปลอดภัยตามหลักสากล แต่ในแง่ของประสบการณ์การใช้งานของผู้ซื้อแล้วยังสามารถพัฒนาให้ราบรื่นได้อีก เช่น ในกรณีที่บัตรซึ่งถูกบันทึกไว้กับร้านค้าหายหรือหมดอายุ ขั้นตอนการชำระเงินจะหยุดชะงัก เนื่องจากผู้ซื้อต้องทำการกรอกข้อมูลบัตรใหม่เอง

Network Tokenization คือการทำ Tokenization ที่ถูกยกระดับให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเครือข่ายบัตรจะทำหน้าที่เป็นผู้ออกโทเคน นั่นหมายความว่าบัตรแต่ละใบจะมีโทเคนเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งจะสามารถใช้ได้กับทุกร้านค้าและทุกแพลตฟอร์ม และเมื่อโทเคนอยู่ในความควบคุมของเครือข่ายบัตร เมื่อมีการออกบัตรใหม่ในกรณีที่บัตรหายหรือหมดอายุ โทเคนจะถูกอัปเดตด้วยข้อมูลบัตรใหม่โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องลบข้อมูลบัตรออกจากระบบและบันทึกใหม่เอง แต่สามารถซื้อสินค้าและรับบริการได้อย่างต่อเนื่อง

Network Tokenization สำคัญอย่างไร

การเปลี่ยนไปให้เครือข่ายบัตรเป็นผู้ออกโทเคนเองจะมีประโยชน์ต่อธุรกิจดังนี้

  • ยกระดับความปลอดภัย: การทำ Network Tokenization โดยเครือข่ายบัตรจะช่วยลดความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูลได้มากขึ้น

  • เพิ่มอัตราการอนุมัติรายการ: โทเคนที่สร้างโดยเครือข่ายบัตรซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยธนาคารจากทั่วโลก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบการทำรายการชำระเงิน และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บัตร

  • สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น: ระบบของเครือข่ายบัตรจะอัปเดตโทเคนโดยอัตโนมัติเมื่อบัตรหมดอายุหรือบัตรหาย จึงลดอัตราการทิ้งตะกร้าได้

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Network Tokenization และผลกระทบต่อการชำระเงินได้ที่ “Network Tokenization คืออะไร? ทำความเข้าใจมาตรฐานใหม่ในการปกป้องข้อมูลบัตร

การใช้งานเทคโนโลยีการชำระเงินของ Opn ในธุรกิจต่างๆ

Panel Discussion - How Industry Leaders Are Using Opn's Payment Technology (จากซ้าย-ขวา) คุณปิณฑิรา วันยนาพร Enterprise Account Manager จาก Opn (Thailand) คุณจิตสุภา เชี่ยววิทย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย จาก Opn (Thailand) คุณฉัตรชัย กฤชเศรษฐสกุล Technical Director จาก Sunday Insurance และคุณศุภศิษฐ์ ติรรักธรรมกิจ Senior Director, Head of Merchant Sales & Acquiring จาก Visa International (Thailand)

ในช่วงเสวนา เราได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาร่วมแชร์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการชำระเงินที่ธุรกิจควรจับตามอง นอกเหนือจาก Network Tokenization แล้ว เทคโนโลยีอื่นๆ ที่จะเข้ามาสร้างประสบการณ์ในการชำระเงินที่ดียิ่งขึ้นมีดังนี้

  • 3D Secure 2.0: ระบบใหม่นี้มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมมากขึ้น 10 เท่า โดยมีทั้งข้อมูลประวัติและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำธุรกรรม ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถวิเคราะห์และอนุมัติรายการได้เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น

  • Frictionless Authentication: ลดการใช้ OTP และหันมาใช้วิธีการยืนยันตัวตนในรูปแบบอื่นๆ เช่น การส่ง Push Notification ทางโทรศัพท์แทน ซึ่งจะทำให้สามารถชำระเงินได้สะดวกยิ่งขึ้น

  • One-Click Checkout: การบันทึกข้อมูลบัตรจะพัฒนาไปอีกขั้น โดยผู้ใช้จะสามารถใช้อีเมลและรหัสผ่านเดียวในการชำระเงินได้หลายแพลตฟอร์ม และยังสามารถบันทึกข้อมูลอื่นๆ อย่างที่อยู่การจัดส่งและที่อยู่เรียกเก็บเงินได้อีกด้วย

  • วิธีการชำระเงินที่หลากหลาย: ธุรกิจอาจลองเพิ่มวิธีการชำระเงินอื่นๆ ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่าง Buy Now, Pay Later (BNPL) หรืออีวอลเล็ตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

ทั้งหมดนี้คือสรุปสาระสำคัญจากงาน "Unlocking the Power of Secure & Seamless Payments" เราขอขอบคุณวิทยากรและผู้เข้าร่วมงานทุกท่านที่ช่วยทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ เราขอขอบคุณ Amazon Web Services (AWS) ที่ร่วมสนับสนุนให้งานนี้เกิดขึ้นได้

อย่าลืมติดตามข่าวสารที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการชำระเงินไปกับ Opn Payments ได้ที่บล็อกของเรา


More from Opn

เปรียบเทียบ Online Direct Debit vs โมบายแบงก์กิ้ง วิธีการชำระเงินแบบใดที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

6 ตุลาคม 2567

เปรียบเทียบ Online Direct Debit vs โมบายแบงก์กิ้ง วิธีการชำระเงินแบบใดที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
แนะนำ Payment Links+ โซลูชันใหม่จาก Opn Payments

29 สิงหาคม 2567

แนะนำ Payment Links+ โซลูชันใหม่จาก Opn Payments
เจาะลึกเบื้องหลังระบบเสถียรแม้ช่วงพีกกับ Director of Infrastructure ของ Opn Payments

30 กรกฎาคม 2567

เจาะลึกเบื้องหลังระบบเสถียรแม้ช่วงพีกกับ Director of Infrastructure ของ Opn Payments

Subscribe to receive the latest updates from Opn

Protected by reCAPTCHA

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อวิเคราะห์การใช้และปรับการใช้งานให้เหมาะกับท่าน เมื่อกดยอมรับหรือเข้าชมเว็บไซต์ต่อ เราถือว่าท่านยินยอมในการใช้งานคุกกี้ของเว็บไซต์ อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว