ลูกค้าในยุคดิจิทัลมีความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงในการชำระเงินออนไลน์เป็นอย่างดี ทั้งยังคาดหวังให้แพลตฟอร์มต่างๆ มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สะดวกที่สุดในทุกๆ ครั้ง ฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงินอย่างการจดจำบัตรเพื่อให้ลูกค้าสามารถจ่ายด้วยคลิกเดียว (one-click checkout) และการรับชำระเงินอัตโนมัติ (recurring payment) จึงกลายเป็นมาตรฐานของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงตัวเลือกเสริมอีกต่อไป
เบื้องหลังฟังก์ชันที่ช่วยให้การจ่ายเงินออนไลน์ทั้งง่ายและปลอดภัยนี้ คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า tokenization ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยแปลงข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิตของลูกค้าเป็นโทเคน ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลบัตรผ่านทางออนไลน์และบันทึกบัตรลงฐานข้อมูลได้อย่างปลอดภัย เมื่อต้องการชำระเงินลูกค้าไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลบัตรซ้ำๆ ในทุกๆ ครั้ง การที่แบรนด์สามารถที่จะสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ทั้งสะดวกและปลอดภัยให้กับลูกค้าได้ ก็จะช่วยให้ปิดการขายได้มากขึ้นและยังช่วยรักษาฐานลูกค้าประจำให้มั่นคง
และเร็วๆ นี้ ทางเครือข่ายบัตร (card network) ได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการชำระเงินไปอีกขั้น โดยได้ปล่อยเทคโนโลยีที่เรียกว่า network tokenization หรือการสร้างโทเคนโดยเครือข่ายบัตร ออกมา
ทำไม network tokenization จึงเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับแวดวงอีคอมเมิร์ซ?
ก่อนอื่น เราชวนทำความเข้าใจฟังก์ชันการทำงานของ tokenization เทคโนโลยีนี้เป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่ทางผู้ให้บริการระบบรับชำระเงิน (payment gateway) ใช้แปลงข้อมูลบัตรเป็นโทเคน ซึ่งจะมีลักษณะเป็นชุดตัวอักษรและตัวเลขที่สุ่มขึ้นเพื่อซ่อนบัตรที่แท้จริง สามารถนำไปใช้แทนบัตรจริงเพื่อทำการชำระเงิน การแปลงข้อมูลบัตรเป็นโทเคนจะช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญเอาไว้ แม้จะเกิดเหตุร้ายแรงอย่างข้อมูลรั่วหรือแฮกระบบขึ้นมาจริงๆ ข้อมูลบัตรก็จะยังถูกปกป้องไว้
เมื่อบัตรถูกแทนที่ด้วยโทเคนแล้ว จะสามารถนำไปจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัย ภายใต้ระบบที่มีการตรวจสอบและผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสากล และโทเคนก็จะถูกดึงไปใช้เมื่อมีการเรียกรับชำระเงิน
Network tokenization เป็นมาตรฐานใหม่ของการทำ tokenization ซึ่งกำหนดโดยเครือข่ายบัตรชั้นนำของโลก ถือเป็นเจเนอเรชันใหม่ของโทเคน มีหน้าที่ปกป้องข้อมูลบัตรเช่นเดิม แต่มาด้วยศักยภาพที่มากขึ้นกว่าเดิม
สำหรับร้านค้าอีคอมเมิร์ซแล้ว การทำ tokenization ทั้ง 2 รูปแบบนี้ไม่ได้มีความแตกต่างใดๆ เมื่อนำไปใช้งาน ระบบยังใช้โทเคนเป็นตัวแทนของบัตรในการชำระเงินเหมือนเดิม เพียงแต่เบื้องหลังแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปจริงๆ คือผู้ทำหน้าที่สร้างโทเคน
การทำ network tokenization จะเกิดขึ้นในฝั่งของเครือข่ายบัตร ไม่ได้สร้างขึ้นในฝั่งของผู้ให้บริการระบบรับชำระเงินเหมือนกับการทำ tokenization แบบดั้งเดิม นั่นหมายถึงว่าบัตรหนึ่งใบจะถูกผูกเข้ากับโทเคนเพียงชุดเดียวสำหรับการใช้บนร้านค้าและแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนการยืนยันบัตร (authorization) และรับชำระเงินที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น
1. อำนวยความสะดวกในการใช้งานให้กับผู้ถือบัตร
เมื่อโทเคนทั้งหมดถูกสร้างโดยเครือข่ายบัตร ข้อมูลบัตรและประวัติการเชื่อมต่อกับโทเคนจะถูกบันทึกไว้บนฐานข้อมูลของเครือข่ายบัตรทั้งหมด ดังนั้น เมื่อบัตรหมดอายุหรือบัตรหาย ระบบจะตรวจจับบัตรที่ออกใหม่และอัปเดตโทเคนโดยอัตโนมัติ
โซลูชันนี้ช่วยลดภาระของลูกค้าในการลบและบันทึกบัตรใบใหม่บนทุกแพลตฟอร์ม จึงลดอัตราการทิ้งตะกร้าและช่วยยกระดับประสบการณ์ชำระเงินให้ราบรื่นขึ้นไปอีกขั้น
2. เพิ่มอัตราการอนุมัติรายการและเพิ่มยอดขาย
เครือข่ายบัตรต่างๆ นั้นเป็นที่รู้จักและยอมรับโดยธนาคารจากทั่วโลก โทเคนที่สร้างโดยเครือข่ายบัตรจึงมีความน่าเชื่อถือมากกว่า และร่นระยะเวลาในการตรวจสอบความปลอดภัยไปโดยปริยาย โดยเฉพาะในกรณีที่ธนาคารของลูกค้าและร้านค้าอยู่คนละประเทศ
การอนุมัติรายการผ่าน network tokenization นั้นเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรายการที่ใช้โทเคนจากระบบรับชำระเงิน จึงช่วยเพิ่มอัตราการอนุมัติรายการและลดจำนวนรายการที่ถูกปฏิเสธสำหรับธนาคารทั้งในและนอกประเทศ
ผลลัพธ์คือ ระยะเวลาที่ใช้ในการเช็คเอาท์จะสั้นลงและยอดขายที่สูงขึ้น
3. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย
การที่ทั้งข้อมูลบัตรและข้อมูลโทเคนถูกรวบรวมไว้ในที่เดียวกัน จะช่วยลดความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญได้เป็นอย่างมาก และส่งผลให้เครือข่ายบัตรเข้าถึงข้อมูลการใช้บัตรบนแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งหมด ทำให้คอยติดตามได้ตลอดเวลาเมื่อมีการใช้บัตร หรือเมื่อบัตรถูกผูกกับแพลตฟอร์มใหม่
ในอนาคต เครือข่ายสามารถนำฐานข้อมูลนี้มาต่อยอดโดยการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับผู้ถือบัตรที่สามารถอัปเดตประวัติการใช้บัตรออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ และเลือก subscribe หรือยกเลิกบริการต่างๆ ได้ในที่เดียว รวมถึงตรวจจับรายการที่น่าสงสัยได้ก่อนจะถูกตัดเงินจริง
แม้การผันเปลี่ยนสู่มาตรฐานการทำ tokenization แบบใหม่ จะไม่ได้เกิดขึ้นในทันที เนื่องจากมีผลต่อผู้ถือบัตรทั่วโลก แต่ก็จำเป็นอย่างมากที่ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจจะต้องเตรียมตัวล่วงหน้า
วันนี้เรามี 2 วิธีในการเตรียมธุรกิจ เพื่อให้พร้อมอัปเกรดสู่ network tokenization
1. (สำหรับร้านค้า) เปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บบัตร ลงสู่ฐานข้อมูลที่ผ่านมาตรฐาน PCI DSS
ตามระเบียบแล้ว ธุรกิจที่มีการรับส่ง ประมวลผล หรือ จัดเก็บข้อมูลบัตรออนไลน์ จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรฐาน PCI DSS มิเช่นนั้นแล้วมีความเสี่ยงสูงที่ข้อมูลบัตรจะรั่วไหล ซึ่งจะทำให้สูญเสียทั้งทรัพย์สินและภาพลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนี้ การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน PCI DSS ธุรกิจยังเสี่ยงถูกค่าปรับรายเดือนอีกด้วย
เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบที่ถูกต้องและเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล ธุรกิจออนไลน์ที่มีการรับชำระเงินผ่านบัตร หรือ มีการเก็บข้อมูลบัตรของลูกค้า จะต้องปฏิบัติการข้อบังคับ PCI DSS อย่างเคร่งครัด หากในปัจจุบันทางแบรนด์มีการเก็บข้อมูลบัตรในฐานข้อมูลใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้มีการรับรองด้านความปลอดภัย เช่น การจดบันทึกในเอกสาร แบบฟอร์มออนไลน์ การส่งทางอีเมลโดยไม่มีการเข้ารหัสไฟล์ ถือเป็นวิธีการจัดการข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและมีความเสี่ยงสูงมากจะต้องรีบเปลี่ยนวิธีการจัดการข้อมูลและย้ายฐานข้อมูลสู่ระบบที่ปลอดภัยทันที
Opn Payments มีโซลูชันที่จะช่วยแบรนด์ย้ายข้อมูลจากฐานข้อมูลที่ไม่ได้มีการควบคุมความปลอดภัย เข้าสู่ระบบที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน PCI DSS โดยโซลูชันนี้จะช่วยจัดการทุกขั้นตอน ตั้งแต่การย้ายข้อมูลบัตรจากไฟล์ CSV แปลงบัตรเป็นโทเคน และเก็บรักษาลงฐานข้อมูลที่ปลอดภัยแน่นหนา
หากสนใจสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเรา
2. (สำหรับธนาคารและผู้ให้บริการระบบรับชำระเงิน) อัปเกรด “โทเคน” เป็น “เน็ตเวิร์กโทเคน”
ภายหลังการเปิดตัว network tokenization เครือข่ายบัตรบางรายเริ่มมีการคิดค่าบริการเพิ่มเติมกับผู้ให้บริการระบบรับชำระเงินที่ยังมีการใช้งาน token รูปแบบเดิมในการรับชำระเงินแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นการเพิ่มต้นทุนในการให้บริการ
ผู้ให้บริการระบบรับชำระเงินจึงควรอัปเกรดระบบให้เป็นไปตามมาตรฐานใหม่ เพื่อรักษาต้นทุนให้คงเดิมและเพิ่มประสิทธิภาพของบริการที่ส่งมอบแก่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ใช้บริการ
ทั้งนี้ การอัปเกรดโทเคนแบบดั้งเดิมเป็นเน็ตเวิร์กโทเคนจะต้องทำผ่านโซลูชันที่เครือข่ายบัตรให้การยอมรับ ซึ่งกระบวนการพัฒนาจะต้องอาศัยทรัพยาการเป็นจำนวนมาก ทั้งในแงของระยะเวลาและบุคลากร ทางลัดสู่การอัปเกรดโทเคน คือบริการอัปเกรดโทเคนของ Opn Payments ซึ่งเป็นโซลูชันที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับ ทำให้สามารถเริมต้นได้ในทันที
Network tokenization จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับวงการการเงินและส่งผลกระทบต่อธุรกิจและลูกค้าทั่วทุกมุมโลก ธุรกิจต่างๆ จึงควรการมองหาโซลูชันที่จำเป็นและเตรียมตัวให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึง
ติดตามข่าวสารที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ network tokenization ไปกับ Opn Payments และติดต่อทีมงานของเราได้ที่ support@opn.ooo หากต้องการความช่วยเหลือ